“เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต เฉพาะกาล (105-115 ป.) วัย 22 ปี จากชลบุรี เตรียมพิสูจน์ฝีมือขั้นแตกหัก เผชิญหน้ากับตัวแม่คิกบ็อกซิ่งมากประสบการณ์ “เจเน็ต ท็อดด์” เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกคนปัจจุบัน วัย 38 ปี จากสหรัฐอเมริกา เพื่อพิสูจน์ฝีมือหาเจ้าบัลลังก์ของรุ่นนี้เพียงหนึ่งเดียว ในศึก ONE Fight Night 20 โดยจะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 08.00 น. ของวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.นี้
สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ “เพชรจีจ้า” ที่สามารถสร้างผลงานการคว้าชัยติดต่อกันจนสามารถพิชิตความฝัน เป็นนักกีฬาหญิงคนแรกจาก ONE ลุมพินี ที่ได้ก้าวสู่เวทีระดับโลกในศึก ONE รายการใหญ่ ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา “เพชรจีจ้า” ก็พยายามพัฒนาฝีมือมาโดยตลอด เพราะเป้าหมายของเธอคือการขึ้นครองบัลลังก์ให้ได้
“ก่อนหน้านี้หนูชกมวยสากลค่ะ แล้วก็หยุดชกไป แล้วก็กลับมาชกมวยไทย ตอนแรกก็คิดว่าจะหาคู่ชกยาก กว่าจะได้ชกก็รอประมาณ 2 เดือนเลยค่ะ”
“พอเราได้กลับมาชกก็รู้สึกตื่นเต้นมากค่ะ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยชกในเวทีใหญ่มาก่อน หลังจากชนะไฟต์ที่ 2 ใน ONE ลุมพินี ก็ได้เซ็นสัญญาจาก วัน แชมเปียนชิพ ก็รู้สึกว่าเราก็ต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ต้องชนะคนเก่ง ๆ ในเวทีระดับโลกให้ได้ เพราะเป้าหมายของหนูคือต้องคว้าเข็มขัดแชมป์มาครองให้ได้ค่ะ”
และแล้วก้าวแรกครั้งสำคัญของ “เพชรจีจ้า” ก็มาถึง เมื่อเธอได้รับโอกาสให้ขึ้นชิงเข็มขัดแชมป์โลกเฉพาะกาล เผชิญหน้ากับ “อนิสสา เม็กเซน” สาวแกร่งแรงเยี่ยงชาย จากฝรั่งเศส-แอลจีเรีย ที่มีดีกรีแชมป์โลกทั้งคิกบ็อกซิ่งและมวยไทยหลายสมัยติดปลายนวม ซึ่ง “เพชรจีจ้า” ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่สุดแสนเซอร์ไพรส์ และรู้สึกภาคภูมิใจที่คว้าชัยจนได้เข็มขัดมาครอง ทั้งที่เป็นการชกคิกบ็อกซิ่งไฟต์แรกในชีวิต
“ไฟต์ที่แล้วก็เป็นความรู้สึกที่เซอร์ไพรส์มากค่ะ ที่ได้ชกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกในชีวิต และยังเป็นการชิงเข็มขัดด้วย ก็ดีใจค่ะภูมิใจกับตัวเองมาก ๆ ที่ชนะแล้วได้ครองเข็มขัด”
“อนิสสา เขาก็เป็นเบอร์หนึ่งแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งมานาน แล้วก็ชนะมาตลอด ที่สำคัญหลายคนก็มองว่าหนูอาจจะยังสู้ไม่ได้ พอเราได้รับชัยชนะก็รู้สึกว่าหนูผ่านไปอีกระดับแล้วค่ะ จากนี้ก็จะพยายามพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ ค่ะ”
อย่างไรก็ตามในปี 2567 นี้ “เพชรจีจ้า” กำลังจะได้รับโอกาสให้พิสูจน์ฝีมือกับเจ้าของเข็มขัดตัวจริงอย่าง “เจเน็ต ท็อดด์” เพื่อหาเจ้าบัลลังก์เพียงหนึ่งเดียว แม้เจ้าตัวจะมองว่าเร็วไปถ้านับระยะห่างจากไฟต์ล่าสุด แต่เมื่อโอกาสมาถึงสาวแกร่งจากชลบุรีรายนี้ ก็มิอาจที่จะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
“มาปีนี้หนูก็มีความคาดหวังค่ะ ว่าอยากจะเป็นแชมป์ตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว หนูคิดว่าถ้าเราชนะ อนิสสา มาแล้ว ต้องมาเจอ เจเน็ต ท็อดด์ แน่นอน และด้วยระยะห่างประมาณ 2 เดือน ถามว่าเร็วไหม ก็เร็วสำหรับหนู แต่ว่าถ้ามีโอกาสเราก็ต้องรีบคว้าไว้เลยค่ะ”
สำหรับ “เจเน็ต” ถือเป็นอีกหนึ่งนักคิกบ็อกซิ่งที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นตัวแม่ของวงการ การันตีได้จากประสบการณ์บนสังเวียนระดับอาชีพที่มีมาอย่างยาวนานถึง 15 ปี และฝีมืออันแพรวพราวจนคว้าเข็มขัดแชมป์มาครองได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ “เพชรจีจ้า” มุ่งมั่นศึกษาสไตล์การชกของ “เจเน็ต” มาอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนได้เห็นทีเด็ดของสาวแดนมะกันรายนี้ที่ต้องระวัง
“สไตล์การชกของ เจเน็ต เขาเป็นมวยที่มีหมัดหน้า แล้วก็มีเตะขาตัดล่างซึ่งทำได้ดีมาก คือเตะแล้วล้มทุกคนเลย นอกจากนี้ยังมีเตะก้านคอที่อันตราย เพราะเขารูปร่างสูงค่ะ”
“ตอนนี้หนูยังมองไม่เห็นว่าเขาจะมีจุดอ่อนอะไร แต่ด้วยความที่เราชกมวยสากลมานาน ทำให้รู้ว่า เจเน็ต มักจะตั้งการ์ดกว้าง แล้วพอเราการ์ดแคบกว่า เราก็อาจจะสามารถออกอาวุธได้เร็วกว่าค่ะ ที่สำคัญ เจเน็ต ไม่เคยแพ้น็อกใครด้วย หนูคิดว่าต้องปรับรูปเกมบนเวทีด้วยค่ะ”
เช่นเดียวกับการฝึกซ้อมครั้งนี้ที่ “เพชรจีจ้า” มุ่งพัฒนาฝีมือตัวเองเป็นพิเศษ แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยน นอกจากนี้ยังมีการเสริมความแกร่งของร่างกาย ด้วยการลงนวมฝึกซ้อมกับมวยชาย
หากสามารถรวบอำนาจ “เจเน็ต” ได้เสร็จสมบูรณ์โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 เดือนหลังจากที่เอาชนะตัวแม่คิกบ็อกซิ่งระดับโลกอย่าง “อนิสสา” มาได้ “เพชรจีจ้า” เชื่อว่านี่จะเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างไร้ข้อกังขาว่าเธอคู่ควรกับการเป็นนักชกหญิงเก่งที่สุดเมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ นอกจากนี้ เธอยังรู้สึกดีใจที่จะได้เป็นคู่ต่อกรคนสุดท้ายในไฟต์อำลาของราชินีคิกบ็อกซิ่ง ยอดนักชกหญิงขวัญใจชาวมะกันด้วย
“ถ้าหนูชนะ เจเน็ต ในไฟต์นี้ หนูจะมั่นใจว่าตัวเองเก่งขึ้น และเป็นที่หนึ่งเมื่อเทียบกันแบบปอนด์ต่อปอนด์ได้ ไฟต์นี้เป็นไฟต์อำลาของ เจเน็ต ก็รู้สึกใจหายเหมือนกันนะคะ แต่ดีใจที่ได้สู้กับเขา เพราะเขาจะได้จดจำว่าคู่ต่อสู้คนสุดท้ายในอาชีพนักสู้ของเขาคือหนูค่ะ”
สุดท้ายนี้เนื่องด้วยวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปีตรงกับวันสตรีสากล ด้าน “เพชรจีจ้า” จึงขอเป็นตัวแทนผู้หญิงหลายล้านคน ร่วมสร้างแรงบันดาลใจเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผู้หญิงก็สามารถทำเรื่องที่ยากและท้าทายได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชายอกสามศอก
“เนื่องจากวันที่ 8 มีนาคมนี้เป็นวันสตรีสากล หนูก็อยากจะสนับสนุนในด้านของผู้หญิงที่เขาอยากลองอะไรใหม่ ๆ ที่ท้าทาย อย่างเช่นถ้าใครสนใจอยากจะฝึกมวย หนูก็อยากเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาเห็นว่าผู้หญิงเราก็สามารถทำได้ และมีหัวใจที่แข็งแกร่งไม่แพ้ผู้ชาย เพราะผู้หญิงก็เก่งได้เหมือนกันค่ะ”