ปิดฉากอาชีพนักสู้อย่างสมเกียรติ สำหรับ “เจเน็ต ท็อดด์” ตำนานหญิงแกร่งวัย 38 ปี จากสหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นชกในไฟต์อำลาสังเวียนไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต (105 – 115 ป.) ของตนเอง กับ “เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกเฉพาะกาล วัย 22 ปี ในศึก ONE Fight Night 20: เจเน็ต vs เพชรจีจ้า เมื่อวันเสาร์ที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดย “เจเน็ต” ฝากผลงานสุดท้ายเอาไว้อย่างสมศักดิ์ศรีนักสู้ระดับโลก ด้วยการแลกฝีมือกับคลื่นลูกใหม่ที่อายุน้อยกว่าถึง 16 ปี อย่าง “เพชรจีจ้า” ได้อย่างสนุกตลอดทั้ง 5 ยก ก่อนจะตกเป็นฝ่ายแพ้คะแนนเอกฉันท์ และต้องส่งต่อบัลลังก์คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต ตัวจริงให้กับนักสู้ขวัญใจชาวไทยต่อไป
โดยหลังจบการแข่งขัน “เจเน็ต” ได้กล่าวเปิดใจถึงความรู้สึกในไฟต์อำลาสังเวียนของตนเองที่ได้ประชันฝีมือกับอนาคตของวงการการต่อสู้อย่าง “เพชรจีจ้า” ก่อนจะกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา สำหรับทุกแรงใจที่ได้รับจากเหล่าแฟนคลับทั่วโลก ท่ามกลางเสียงปรบมือเพื่อให้เกียรติเธออย่างกึกก้องจากแฟน ๆ นับพันในสนามมวยเวทีลุมพินี
“เพชรจีจ้า เป็นนักสู้ที่เก่งและมีความสามารถมากค่ะ ฉันดีใจมากที่ไฟต์สุดท้ายของฉัน มีความท้าทายอย่างสมศักดิ์ศรี ฉันไม่อยากเชื่อว่าเธออายุแค่นี้ จะขึ้นมาอยู่บนเวทีระดับโลก และโชว์ฟอร์มขนาดนี้ได้ สุดยอดจริง ๆ ที่ได้เห็นกับตา และได้เป็นส่วนหนึ่งของไฟต์นี้ค่ะ”
“ฉันแค่อยากบอกว่า ขอบคุณเพื่อน ๆ และแฟน ๆ ทุกคน ที่ให้ความรักและสนับสนุนฉันมาตลอด มันมีความหมายสำหรับฉันมาก ๆ บนเส้นทางอาชีพนั้กสู้มีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง แต่พวกคุณผลักดันให้ฉันดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันได้รู้จักตัวเองมากขึ้น และเห็นถึงสิ่งที่ฉันทำได้ ฉันหวังว่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน”
นอกจากนั้นแล้ว “เจเน็ต” ยังทำเซอร์ไพรส์นำพวงมาลัย มากล่าวขอบคุณบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ที่มอบโอกาสให้เธอได้เข้ามาทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการแสดงฝีมือบนเวทีระดับโลก ONE ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ
“ฉันอยากบอกคุณ ชาตรี และทีมงาน วัน แชมเปียนชิพ ขอบคุณที่ทำให้ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของฉัน ฉันตื้นตันจนพูดไม่ออก ฉันดีใจที่แพลตฟอร์มของ ONE มีพื้นที่ให้ฉันแสดงฝีมือ”
“มาลัยนี้ขอมอบแด่คุณชาตรี ขอบคุณมากค่ะที่ให้ฉันเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรสุดยอดอย่าง ONE คุณสนับสนุนฉันตลอดเส้นทางอาชีพ ฉันขอบคุณเท่าไหร่ก็คงไม่พอ คุณทำให้ฝันของฉันเป็นจริง ฉันจะเก็บความทรงจำดี ๆ เหล่านี้ตลอดไปค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
โดยบทสรุปตลอด 15 ปี บนเส้นทางนักสู้ของ “เจเน็ต” เธอสามารถคว้าชัยชนะในกติกาคิกบ็อกซิ่ง และมวยไทย ไปได้มากถึง 39 ครั้งจาก 51 ไฟต์ที่ลงแข่งขัน ผ่านการคว้าแชมป์ Pan-American มวยไทย 2 สมัย, และแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต กับแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต เฉพาะกาล อีกอย่างละ 1 สมัย
ด้วยผลงานความสำเร็จ และความยิ่งใหญ่ที่เธอฝากเอาไว้บนเส้นทางผืนผ้าใบตลอด 15 ปีที่ผ่านมา จะทำให้เธอถูกจดจำในฐานะนักสู้หญิงระดับตำนานตลอดไป