“ฤทธิเดช ส.สมหมาย” มวยศอกคม วัย 26 ปี จากศรีสะเกษ หวนโชว์ผลงานบนเวทีอีกครั้งในรอบกว่า 3 เดือนเพื่อล่าชัยกู้ศรัทธาหลังพลาดท่าแพ้ในไฟต์ล่าสุด โดยจะปะทะกับ “ต้มยำกุ้ง ภูมิใจไทย” จอมบู๊ดาวรุ่ง วัย 19 ปี จากสุรินทร์ ในกติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 133 ป. ในศึก ONE ลุมพินี 55 ที่จะถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.นี้
สำหรับ “ฤทธิเดช” เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวที่มีอาชีพค้าขายอาหาร เริ่มเรียนรู้วิชามวยไทยครั้งแรกตอนเรียนชั้นประถม 6 ก่อนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งจากเวทีภูธร และมีโอกาสได้ขึ้นมาโชว์ฝีมือที่เมืองหลวงอยู่เป็นประจำ ขณะที่ปัจจุบันฝึกซ้อมอยู่ที่ค่ายมวยส.สมหมาย มาได้นานกว่า 1 ปี แล้ว ทำให้ตอนนี้ฝีมือการชกของเจ้าตัวพัฒนาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2566 ที่ผ่านมา “ฤทธิเดช” ฝากผลงานในศึก ONE ลุมพินี เอาไว้ที่ ชนะ 2 แพ้ 2 พร้อมรับโบนัส 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 7 แสนบาท โดยไฟต์ล่าสุดในศึก ONE ลุมพินี 44 เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าตัวเสียท่าพ่ายทีเคโอยก 3 ให้กับ “ป้อมเพชร พีเค.แสนชัย” ชวดเก็บแต้มชัย 3 ไฟต์รวดอย่างน่าเสียดาย กลับมารอบนี้ เขาจึงมุ่งมั่นเป็นพิเศษเพื่อลุ้นคืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง
ความพ่ายแพ้ในไฟต์ล่าสุดต่อ “ป้อมเพชร” ทำให้ “ฤทธิเดช” รู้สึกเสียดายไม่น้อยที่โอกาสต่อยอดสู่ความสำเร็จของตัวเองต้องหยุดชะงักลง แต่เจ้าตัวไม่คิดย่อท้อพร้อมนำข้อผิดพลาดกลับมาทบทวน เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นนักสู้ที่ดีขึ้น
“ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถเก็บชัยชนะ 3 ไฟต์ติดต่อกันได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นจังหวะของเกมที่ทางคู่ชกทำได้ดีกว่า ถือเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้เราได้เรียนรู้ นำมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผมย้อนกลับไปดูเทปที่แพ้ในไฟต์ล่าสุด พยายามหาจุดข้อบกพร่อง และปรับสไตล์การชกให้มีความรัดกุมมากกว่าเดิม ตอนนี้ผมอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ผมมั่นใจมากกว่าเดิมแค่ไหน อยากทำหน้าที่ออกมาให้ดีที่สุดในทุก ๆ ไฟต์ครับ”
ไฟต์ต่อไป “ฤทธิเดช” ต้องเผชิญหน้ากับคู่ชกพลังสดอย่าง “ต้มยำกุ้ง” ที่หวังตีไข่แตกเก็บแต้มชัยแรกของรายการให้ได้ โดยนักชกลูกแม่ค้าได้เตรียมอาวุธมาครบทุกรูปแบบ พร้อมประเคนใส่จุดอ่อนของคู่ปรับรุ่นน้องให้ถึงใจ
“ไฟต์นี้ผมเตรียมพร้อมซ้อมอาวุธทุกอย่างมาครบมือเหมือนเดิม และเพิ่มเติมในส่วนของการป้องกันตัวให้ดีขึ้น ไม่เดินหลวม ไม่ประมาท ผมมองว่า ต้มยำกุ้ง เป็นมวยซ้ายที่มีฝีมือน่าจับตา มีแข้งซ้ายคอยรบกวนอยู่ตลอด ผมต้องหาทางรับมือแบบรัดกุมเอาไว้ก่อน แล้วค่อยเตรียมลูกโต้กลับไป เน้นออกอาวุธแบบหนัก ๆ ไม่ปล่อยแบบพร่ำเพรื่อ นอกจากนั้นผมยังเตรียมศอกมาเป็นอาวุธเด็ด เอาไว้เล่นงานวงในซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขาด้วยครับ”
งานนี้ “ฤทธิเดช” มองว่าการสู้กับ “ต้มยำกุ้ง” ต้องออกมาสนุกถูกใจกองเชียร์ เพราะตนเป็นมวยสไตล์เดินลุยพร้อมชนทุกอย่างที่ขวางหน้าอยู่แล้ว โดยเจ้าตัวขอลุ้นถึงขั้นปิดเกมเร็วให้ได้อีกครั้ง เพื่อคว้าเงินโบนัสเพิ่มเป็นครั้งที่ 3
“ผมคิดว่ารูปเกมไฟต์ที่เจอกับ ต้มยำกุ้ง จะออกมาสนุกอย่างแน่นอน ผมพร้อมเป็นฝ่ายเดินลุยเปิดเกมก่อนเอง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ไฟต์นี้มีโอกาสจบเกมเร็วอีกครั้ง เพราะผมเป็นนักมวยสไตล์ที่ชอบยืนแลกอาวุธกับคู่ต่อสู้อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับจังหวะบนเวทีว่าฝ่ายไหนจะโดนอาวุธหนักก่อนแค่นั้น ยิ่งถ้าอีกฝ่ายพร้อมมาเปิดหน้าแลกใส่กันก็ยิ่งมีโอกาสปิดเกมเร็วครับ”
“ถ้าไฟต์นี้ผมทำผลงานดีได้โบนัสก้อนที่ 3 จะนำเงินไปสมทบทำบ้านให้เสร็จสมบูรณ์ บ้านหลังนี้ผมปลูกไว้ที่บ้านเกิด จ.ศรีสะเกษ เซ็นสัญญาสร้างเอาไว้เรียบร้อย ราคาอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านบาท ตอนนี้คืบหน้าแล้วเสร็จไปกว่า 70% ผมได้เงินจากการชกในศึก ONE ลุมพินี มาช่วยในส่วนนี้ได้เยอะมาก ตอนนี้ถ้าได้เงินเพิ่มอีก ผมจะนำไปใช้ซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน และตกแต่งภายนอกเพิ่มเติมให้เรียบร้อยครับ”