“ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” นักสู้อาวุธครบเครื่อง วัย 33 ปี จากพัทลุง ตอบรับโอกาสทองลุ้นกลับไปยืนในจุดสูงสุดของอาชีพอีกครั้ง ปะทะคู่ปรับหน้าคุ้น “มารัต กริกอเรียน” จอมบู๊สายอึด วัย 32 ปี จากอาร์เมเนีย ลุ้นแย่งชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป.) เฉพาะกาล มาครอบครอง ในฐานะคู่เอกนำรายการศึก ONE ลุมพินี 58 ที่จะถ่ายทอดสดจากเวทีลุมพินี (รามอินทรา) วันศุกร์ที่ 5 เม.ย.นี้
That the way everyday go @superbon.trainingcamp
สำหรับ “ซุปเปอร์บอน” และ “มารัต” สองตัวพ่อคิกบ็อกซิ่งระดับโลกเคยปะทะฝีมือกันมาแล้วสองหน ครั้งแรกที่จีนเมื่อปี 2561 เป็นทาง “มารัต” ที่เอาชนะน็อกจอมเตะก้านคอขวัญใจคนไทยไปได้ ส่วนครั้งที่สองเกิดขึ้นในศึก ONE X เมื่อ 26 มี.ค.65 ปรากฏว่าทั้งคู่สู้กันดุเดือดตลอดทั้ง 5 ยก ก่อนสุดท้าย “ซุปเปอร์บอน” ที่ตอนนั้นขึ้นชกในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต จะเป็นฝ่ายชนะป้องกันตำแหน่งครั้งแรกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม “ซุปเปอร์บอน” ต้องมาเข็มขัดกระเด็นในไฟต์ต่อมา เมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 ในศึก ONE Fight Night 6 หลังพ่ายน็อกยก 2 ให้กับ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” จากเบลารุส ชนิดช็อกแฟนมวยชาวไทยทั้งสนาม ขณะที่ล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งข้ามสายมาชิงบัลลังก์มวยไทยรุ่นเดียวกันกับ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” ในศึก ONE ลุมพินี 46 เมื่อ 22 ธ.ค.66 แต่ต้านความสดไม่ไหวพ่ายไปด้วยคะแนนเสียงข้างมาก
“ซุปเปอร์บอน” ถีบ “มารัต” กระเด็นกระดอน เขาจะทำแบบเดิมได้ไหม? ห้ามพลาด 5 เม.ย.นี้
ผลงานชกมวยไทยในไฟต์ล่าสุด ทำให้ “ซุปเปอร์บอน” ได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองอีกหลายจุด โดยเจ้าตัวพร้อมเร่งปรับปรุงแก้ไขแล้วนำข้อดีไปประยุกต์ใช้กับการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง เพื่อทำให้ตัวเองกลายเป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์รอบด้าน
“การเจอกับ ตะวันฉาย ทำให้ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เยอะมาก ผมป้องกันตัวได้ช้าลงเมื่อเทียบกับการชกคิกบ็อกซิ่ง เพราะเมื่อก่อนผมบังการเตะและถีบได้ดีมากกว่านี้ แต่ว่าอาจจะคุ้นเคยกับการชกคิกบ็อกซิ่งนานเกินไป ทำให้ลืมระวังตัวตรงจุดนี้ไป ผมถนัดทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง แต่ถ้าได้กลับไปชกมวยไทยอีกสัก 2-3 ไฟต์ ก็คงมีความคุ้นชินมากขึ้น ตอนนี้ผมพร้อมสู้ได้หมดทั้งสองกติกาครับ”
หลังผ่านการปะทะฝีมือกันมาสองครั้งทำให้ “ซุปเปอร์บอน” รู้จักตัวตนของ “มารัต” เป็นอย่างดี โดยนอกจากการซ้อมหนักเตรียมร่างกายพร้อมเต็มที่ เจ้าตัวยังเชื่อมั่นในความจัดจ้านรอบด้านของตัวเองที่มีมากกว่าคู่ชก พร้อมงัดอาวุธทุกรูปแบบมาใช้ปิดเกมได้ทันที
“ไฟต์นี้เจอกับ มารัต เป็นครั้งที่สาม ผมยังคงตั้งใจซ้อมอย่างหนักเพื่อเอาชนะเขาให้ได้ หากนับจากการเจอกันสองครั้งที่ผ่านมา ผมคิดว่าตัวเองมีการพัฒนาฝีมือดีกว่า เพราะเขายังชกเหมือนเดิม มีสไตล์ไม่แตกต่างจากตอนเจอกันครั้งแรก และผมน่าจะเหนือกว่าตรงที่มีอาวุธหลากหลาย ส่วนเขามีทีเด็ดอยู่ที่หมัดอย่างเดียว ถ้ามีโอกาสผมอยากชนะน็อกเพื่อลุ้นได้โบนัส มองว่าตัวเองน่าจะเอาชนะเขาได้ง่ายกว่าเดิมครับ”
ในฐานะที่ “ซุปเปอร์บอน” และ “มารัต” เป็นผู้รั้งเก้าอี้เบอร์ 1 และ 2 ของแรงกิง ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ตามลำดับ ชัยชนะในการเจอกันเป็นภาคที่ 2 ใน ONE ถือว่ามีความสำคัญต่อนักสู้ขวัญใจชาวไทยเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบททดสอบสำคัญว่าตนคู่ควรแล้วหรือยังที่จะท้าชิงบัลลังก์จาก “ชิงกิซ” กลับคืนมา
“การชิงตำแหน่งแชมป์โลกเฉพาะกาลในไฟต์นี้มีความสำคัญต่อตัวผมมาก เพราะผมอยากเจอกับ ชิงกิซ การชนะในไฟต์นี้คือการการันตีว่าผมจะมีโอกาสได้แก้มือกับเขาอีกครั้ง เขาเป็นเหมือนจุดด่างพร้อยในอาชีพของผม ผมจึงต้องการกลับไปแก้แค้นเขาให้ได้ ผมมีแรงจูงใจในการอยากแก้มือกับเขามากกว่าการได้เป็นแชมป์โลกด้วยซ้ำ แล้วถ้าผมได้เข็มขัดแชมป์มาครอง ผมจะไม่หนีใครทั้งนั้นพร้อมสู้กับทุกคนครับ”