“มารัต กริกอเรียน” นักชกจอมบู๊ชาวอาร์เมเนีย มั่นใจเดาทางคู่ปรับเก่า “ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” แบบทะลุปรุโปร่งในศึกภาค 3 ของทั้งคู่ โดยมีภารกิจชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เฉพาะกาล ในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 58 : ซุปเปอร์บอน vs มารัต วันศุกร์ที่ 5 เม.ย. นี้ ที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา)
“มารัต” ถือเป็นอีก 1 นักชกที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพการชกมวยของเขา โดยไฟต์ล่าสุดเอาชนะน็อก “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” ในยกที่ 3 ของศึก ONE 165: ซุปเปอร์เล็ก vs ทาเครุ ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา
มารัต กริกอเรียน
แต่ดูเหมือนว่า “มารัต” รู้ว่ายังมีเป้าหมายใหญ่ที่เขาต้องไปให้ถึงนั่นคือบัลลังก์แชมป์โลกขององค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ONE ซึ่งเจ้าตัวประกาศทุ่มหมดหน้าตักในครั้งนี้เพื่อคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเฉพาะกาล
“ชีวิตคือความเสี่ยง ปีนี้ผมจะยอมเสี่ยงทุกอย่าง ผมต้องการเอาชนะจริง ๆ ในใจผมคิดอยู่อย่างเดียวคือผมต้องเอาชนะ ไม่สำคัญว่าจะชนะน็อกหรือชนะคะแนน ขอแค่ชนะพอ”
“เป้าหมายของผมคือการเป็นแชมป์โลก ONE นั่นคือเป้าหมายเดียวในใจของผม มันหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับผม ผมจะทำให้เต็มที่เพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น”
“มารัต” ได้ชื่อว่าเข้าใกล้บัลลังก์คิกบ็อกซิ่งที่เขาใฝ่ฝันถึง 2 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถทำสำเร็จ โดยครั้งแรกคือการชิงเข็มขัดกับ “ซุปเปอร์บอน” ในศึก ONE X เมื่อปี 2565 แต่เป็นฝ่ายพ่ายคะแนนไป ต่อมาเขาได้โอกาสอีกครั้งให้ท้าชิงบัลลังก์กับ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลกจากเบลารุสในศึก ONE Fight Night 13: ชิงกิซ vs มารัต เมื่อเดือน ส.ค. 66 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังกระชากเข็มขัดมาไม่ได้
ส่วนในไฟต์ที่กำลังจะถึงนี้ แม้จะเป็นการชิงตำแหน่งแชมป์โลก เฉพาะกาล แต่ก็สำคัญกับเขามาเพราะนี่หมายถึงโอกาสที่จะส่งให้เขากลับสู่เส้นทางชิงบัลลังก์อีกครั้ง ที่สำคัญ ยังเป็นด่านสุดท้าทายที่ได้โคจรเจอกับ “ซุปเปอร์บอน” เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งครั้งนี้ “มารัต” เผยว่าเขารู้ทาง “ซุปเปอร์บอน” หมดแล้ว
“ไฟต์แรกสั้นมากเพราะใช้เวลาเพียง 29 วินาทีเท่านั้น ส่วนไฟต์ที่สอง เราชกกันครบห้ายก ผมเห็นทุกอย่างที่เขาโจมตีใส่ผม แต่คืนนั้นร่างกายผมช้ามาก และเขาก็พัฒนาขึ้นมาก แต่ตอนนี้ผมพัฒนาขึ้นมากเหมือนกัน ทุกไฟต์ที่เราเจอกันจึงแตกต่างกัน เราต้องเฉียบคมตลอดเวลา เพราะความผิดพลาดครั้งเดียว จะทำให้คุณวูบในชั่วพริบตา”
“ผมคิดว่าเขาจะทำตามแผนชกแบบเดียวกับไฟต์ที่แล้ว คือแค่ถีบผมไปไกล ๆ และโยนเข่าใส่ผม มันเป็นมุกเดียวที่เขาจะทำกับผมได้ ไฟต์นี้ ผมจะเน้นสู้ในวงนอก และคอยออกอาวุธทำคะแนนไปเรื่อย ๆ แค่นั้นพอ”
ซุปเปอร์บอน vs มารัต (26 มี.ค.65)
อย่างไรก็ตาม “มารัต” ได้บทเรียนจากการพ่าย “ซุปเปอร์บอน” ในไฟต์ที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นเหตุผลที่เขาเลือกบินมาเก็บตัวที่ประเทศไทยล่วงหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับไฟต์สำคัญนี้โดยเฉพาะ
“ไฟต์ล่าสุดกับซุปเปอร์บอน ผมเตรียมตัวมาดีมาก แต่วันนั้นร่างกายผมไม่ฟื้น มันติดขัดไปซะหมด ผมไม่ได้แก้ตัวที่แพ้เขานะ แต่สาเหตุหนึ่งคือผมฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก สังเกตได้จากการชกของผมในวันนั้น ผมเชื่องช้ามาก ผมออกอาวุธเหมือนกับภาพสโลว์โมชันเลย”
“นี่คือเหตุผลที่ผมซ้อมอยู่ในไทยตอนนี้ ผมมาก่อนกำหนดเพื่อให้ปรับให้ร่างกายผมฟื้นตัวเร็ว ซึ่งช่วยให้ผมคุ้นเคยกับเวลาและได้นอนหลับเต็มที่ ผมคิดว่าไฟต์นี้จะต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆ แน่นอน”
