“Smokin’ Jo” โจ ณัฐวุฒิ นักสู้อินดี้ 34 ปี จากนครราชสีมา เตรียมใจมาเกินร้อย ไม่สนใครมองว่าเป็นรอง ยืนยันว่าพร้อมสู้เต็มที่ในฐานะผู้ท้าชิงบัลลังก์ ของ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) วัย 25 ปี จากชลบุรี ที่จะเจอกันในภาค 2 โดยมีเข็มขัดรุ่นนี้เป็นเดิมพัน ในฐานะคู่เอกของศึก ONE 167: ตะวันฉาย vs โจ II ที่จะถ่ายทอดสดจากอิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้
สำหรับ “โจ” ชก ONE มาแล้วมากถึง 11 ไฟต์ โดยมีผลงานชนะ 6 แพ้ 5 โดยในไฟต์ล่าสุดเพิ่งเอาชนะคะแนน “The Chef” ลุค ลิสซีย์ นักสู้วัย 28 ปี จากสหรัฐอเมริกา มาได้ในศึก ONE Fight Night 17: โรมัน vs อเล็กซ์ เมื่อ 9 ธ.ค. 66 โดยเจ้าตัวเผยถึงเกมการชกในไฟต์ล่าสุดไว้ว่า
โจ vs ลุค (9 ธ.ค.66)
“ไฟต์วันนั้นกับลุค ลิสซีย์ สนุกมาก ๆ เกมการชกที่จำได้ผมเดินใส่เขาพยายามจะน็อกให้ได้ แต่เขาก็ทนมาก ๆ เราก็เดินบี้เรื่อย ๆ วันนั้นตัวผมก็มีปัญหา หน้าแข้งที่แตกตั้งแต่ยกแรก แต่เรามาเพื่อเป็นนักสู้อยู่แล้ว เราก็เปลี่ยนแผน คิดว่าถ้าเตะไม่ได้เดี๋ยวให้หมัดแทน ผมก็โดนเยอะเหมือนกัน แต่ก็ไม่สนคิดแค่ว่าจะสู้อย่างเดียว จะน็อกให้ได้”
โดยหลังจากจบไฟต์นั้น “โจ” ได้ประกาศบนเวทีไว้ว่าจะเตรียมตัวทำร่างกายให้ดี เพื่อหวังว่าสักวันหนึ่งจะมีโอกาสได้ขึ้นมาชิงแชมป์โลกกับ “ตะวันฉาย” คู่ปรับเก่าที่เคยเจอกันมา 1 ครั้ง และโอกาสที่รอคอยก็มาถึง
“หลังจากชกกับ ลุค มันทำให้เรากลับมาตั้งใจซ้อมให้หนักกว่าเดิม เพื่อโอกาสได้ชิงแชมป์สักครั้งหนึ่ง ก่อนเลิกชกมวย วินาทีแรกที่รู้ว่าได้โอกาสแล้ว ผมโทรหาเพื่อนก่อนเลย ทุกคนตื่นเต้นมาก โอกาสมาถึงแล้ว ทุกคนก็เตรียมพร้อมเพราะได้เวลาทำงานแล้ว”
“การได้ชิงแชมป์โลก คือจุดสูงสุดแล้วครับ ทุกคนมองไปที่แชมป์โลกอย่าง ตะวันฉาย ความฝันของทุกคนคือการได้สู้กับน้องเขา”
ตะวันฉาย vs โจ (7 ต.ค.66)
ทั้ง “โจ” และ “ตะวันฉาย” เคยปะทะกันมาแล้ว 1 ครั้งในศึก ONE Fight Night 15: ธานฮ์ vs อิลยา เมื่อ 7 ต.ค.66 โดยไฟต์นั้นสู้กันกติกาคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไฟต์ดุเดือด สนุก สุดมัน แม้ว่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ “ตะวันฉาย” แต่ “โจ” ที่แม้จะเป็นผู้แพ้กลับได้รับเสียงชื่นชมล้นหลามจากการอาสาเป็นมวยแทนในวันนั้น
“ไฟต์ที่ชกกับตะวันฉาย ภาคแรก น้องเขาอาวุธหนัก แข็งแรงมาก เราก็พยายามตอบโต้ ออกอาวุธให้เยอะกว่า พอยก 3 เรารู้แล้วว่าเกมเราต้องออกอาวุธเยอะเพื่อตามให้ทัน แต่แรงมันเริ่มหมด การตอบสนองเริ่มช้ากว่าเดิม เลยทำให้ทำได้ไม่เต็มที่ในยกสุดท้าย แต่ก็ไม่เสียดายที่ไม่ชนะวันนั้น เราทำเต็มที่แล้วครับ”
“กระแสก่อนชกคนมองว่าเป็นรอง โดนน็อกแน่ ๆ แล้วพอหลังชกความคิดของแฟน ๆ เปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง กระแสดีเกินคาดมาก ๆ ได้รับคำชมเยอะมาก ๆ ในเมืองไทยคนรู้จักเราเยอะขึ้น ที่อเมริกา คนก็รู้จักเราเยอะขึ้น ได้งานมากขึ้น ช่วยให้หน้าที่การงานเราดีขึ้นด้วยครับ”
ในฟากของ “ตะวันฉาย” ถือครองเข็มขัดนี้มานานตั้งแต่เดือน ก.ย.65 โดยป้องกันแชมป์โลกมาแล้ว 2 ครั้ง โดยหนล่าสุดเพิ่งเอาชนะคะแนน “ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” ไปในศึก ONE ลุมพินี 46 : ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน เมื่อ 22 ธ.ค.66
โดยในไฟต์นี้เป็นไฟต์ที่ 3 ในการป้องกันแชมป์โลกของ “ตะวันฉาย” ซึ่งการมาเจอกับ “โจ” ในภาคที่สอง กระแสโซเชียลทั้งไทยและต่างชาติต่างมองว่าฟากของแชมป์โลกเป็นต่ออยู่หลายขุม เนื่องจากเป็นกติกามวยไทยที่ถนัด ซึ่ง “โจ” เองไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่ตนถูกมองว่าเป็นรอง และตั้งใจสู้เต็มที่เหมือนทุกไฟต์ที่ผ่านมา
“ถ้าตามกระแสคนมองว่าผมเป็นรอง ตะวันฉาย ไม่แปลกหรอกครับ เพราะว่าน้องเขาเป็นราชาของรุ่นนี้ แล้วผมชกคิกบ็อกซิ่งมาตลอด หยุดชกมวยไทยไปนานเพิ่งเริ่มกลับมา คนมองแบบนั้นได้อยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ตั้งใจทำงานของเราต่อไป และผมไม่กังวลเรื่องกติกาเพราะผมเตรียมตัวมาสู้”
“ไฟต์นี้ผมเตรียมตัวดีมาก ตอนนี้ร่างกายดี มั่นใจเต็มที่ การเจอกับ ตะวันฉาย มาหนึ่งครั้ง ทำให้เตรียมตัวง่ายขึ้น เราเคยเห็นอาวุธของเขามาแล้ว ส่วนเรื่องการยืนระยะ ไฟต์นี้ผมคิดว่าดีกว่าเดิม เรามีพละกำลังพร้อมสำหรับการต่อสู้ทั้ง 5 ยกแน่นอน”
“ไฟต์นี้สำคัญที่สุดแล้วครับ ตั้งแต่มาชก ONE เป็นการชิงแชมป์โลก ทุกคนทั่วโลกรอดู ก็จะแสดงเห็นว่าผมมาสู้เต็มที่ สนุกแน่นอนไฟต์นี้”