“ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” ยอดนักสู้จากพัทลุง สุดภูมิใจกับชัยชนะเหนือ “มารัต กริกอเรียน” นักชกจากอาร์เมเนีย พร้อมทั้งยกย่องให้เป็นคู่ต่อสู้ที่หินมากที่สุดคนหนึ่ง จากการปะทะกันในการชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) เฉพาะกาล ในศึก ONE ลุมพินี 58 : ซุปเปอร์บอน vs มารัต เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีความตั้งแต่จะล่าเข็มขัดสองเส้น ทั้งมวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง อีกด้วย
ศึกภาค 3 ระหว่าง “ซุปเปอร์บอน” และ “มารัต” ที่ถือเป็นคู่ปรับกันมานานหลายปี จบลงด้วยชัยชนะของนักชกชาวไทยที่สามารถย้ำชนะ และทำแต้มต่ออยู่ที่ชนะ 2 แพ้ 1 ส่งให้ได้ขึ้นครองตำแหน่งแชมป์โลก คิกบ็อกซิ่ง เฉพาะกาลของรุ่นนี้สำเร็จ ซึ่ง “ซุปเปอร์บอน” กล่าวถึงเกมในไฟต์นี้ไว้ว่า
มารัต กริกอเรียน
“มารัต ครั้งนี้ดีกว่าครั้งก่อนเยอะครับ เขาแก้เกมมาไล่บี้ตั้งแต่ยกแรก แล้วก็เข้าในระยะต่อยหมัดได้ตลอด แต่เขาต่อยไม่เข้า เพราะทุกครั้งที่เขาต่อย ผมจะดักแทงเข่า ทำให้เขาหยุดใช้หมัดคอมโบ ที่เขาถนัด เขาแก้เกมมาดี แต่เราก็แก้เกมไปเหมือนกัน”
“เขาอึดมาก ยก 2 ผมเตะเขาไปเป็น 10 ครั้ง แต่ละครั้งไม่ใช่เบา ๆ เขาทนมาก ๆ ยืนให้ผมเตะ แล้วเขาก็เข้ามาต่อย ผมรู้สึกว่าคนอะไรอึด ถึก ทน มากขนาดนี้ พอครบ 5 ยก ผมก็มั่นใจครับว่าเป็นผู้ชนะ เพราะผมมองว่าผมออกอาวุธเข้าเป้ามากกว่าเขาทุกยก”
มารัต vs ซุปเปอร์บอน (5 เม.ย.67)
ตลอด 5 ยกในไฟต์นี้ถือเป็นไฟต์ที่สนุกสุดมัน ตื่นเต้น เร้าใจผู้ชมทั้งในสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) และผู้ชมทางบ้านอีกด้วย โดยการเอาชนะ “มารัต” ได้เป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้ “ซุปเปอร์บอน” มั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยไม่ลืมที่จะยกย่อง “มารัต” ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เขาเคารพในฝีมือมากที่สุดคนหนึ่ง
“มารัต เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่หลายปีก่อนที่ชกกันมา เราไล่บี้กันมาตลอด ผมรู้สึกว่านี่เป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าเราแข็งแกร่งจริง ๆ ในการชกกับคนเก่ง ๆ ในระดับนี้ มารัต เป็นคนเก่งอยู่แล้ว เขามีน้ำใจนักกีฬาสูงมาก เมื่อจบเกม เราก็เคารพซึ่งกันและกันครับ”
แม้ว่า “ซุปเปอร์บอน” จะเป็นฝ่ายเอาชนะไฟต์นี้และคว้าเข็มขัดเฉพาะกาลมาได้ก็ตาม แต่ลึก ๆ ในใจ เขากลับยังไม่พอใจในตัวเองเท่าไหร่นัก โดยจะกลับไปทำการบ้านเพื่อแก้ไขให้ดีกว่าเดิมในไฟต์ต่อไป
“ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้แชมป์มา แต่มีบางอย่างที่ผมรู้สึกว่าผมทำได้ไม่เต็มร้อย แม้จะทำได้แต่ไม่ได้ภูมิใจ 100 เปอร์เซ็นต์ จากนี้ ก้าวต่อไปของผมคือการทวงบัลลังก์คืนให้ได้ เราต้องดีกว่านี้ให้ได้ในไฟต์ต่อ ๆ ไป”
ซุปเปอร์บอน และ ทีมงานเทรนเนอร์
แม้ว่าเป้าหมายอันดับ 1 ยังเป็น “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลกตัวจริง ที่กระชากเข็มขัดไปจาก “ซุปเปอร์บอน” เมื่อต้นปีที่แล้วในศึก ONE Fight Night 6: ซุปเปอร์บอน vs ชิงกิซ และกลายเป็นจุดด่างพร้อยที่เป็นเชื้อไฟที่อยากจะกลับไปแก้แค้น นอกจากนี้ “ซุปเปอร์บอน” ก็ยังหมายมั่นปั้นมือที่อยากจะกลับไปรีแมตช์กับ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัย” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต และหวังจะชิงทั้ง 2 เส้น และ คว้าทั้ง 2 เส้นมาครองให้ได้ในอนาคตอีกด้วย
ซุปเปอร์บอน vs ชิงกิซ (14 ม.ค.66)
ตะวันฉาย vs ซุปเปอร์บอน (22 ธ.ค.66)
“เป้าหมายผมยังเหมือนเดิม อยากเป็นแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง และ แชมป์โลกมวยไทย ในรุ่นเฟเธอร์เวต ผมอยากแก้มือกับแชมป์ทั้งสองคน ใครที่ผมแพ้มา ผมอยากแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดไป ผมอยากแก้มือและกลับไปเอาชนะเขาให้ได้”