“Darth Rigatoni” ไมกี มูซูเมกี แชมป์โลก ONE ปล้ำจับล็อก รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) บอกเล่าเรื่องราวที่เขาเลือกจะขัดใจแม่มาตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งทำให้เขามีทุกวันนี้ โดยที่ “ไมกี” มีคิวจะปีนเวตขึ้นสู่รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) โดยจะเจอกับ “กาเบรียล ซูซา” นักสู้บราซิลน้องใหม่ของ ONE ในศึก ONE 167: ตะวันฉาย vs โจ II ที่จะถ่ายทอดสดจาก อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้
“ไมกี” ที่ปัจจุบันอายุ 27 ปี รู้จักการต่อสู้มาตั้งแต่เริ่มจำความได้ โดยเริ่มฝึกบราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) ในวัยเพียง 4 ขวบ จากนั้นเขาใช้เวลาในวัยเด็กทั้งหมดอุทิศให้กับการฝึกซ้อมและลงแข่งขันอย่างจริงจังตลอดหลายปี กระทั่ง สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งไฟแรงของวงการ BJJ และปล้ำจับล็อกระดับโลก
อย่างไรก็ตาม “ไมกี” เปิดเผยว่าในทุกครั้งที่ลงแข่งขันนั้น แม่ของเขาไม่เคยเห็นด้วย และไม่สบายใจที่ต้องเห็นลูกชายเสี่ยงต่อการบาดเจ็บจากการแข่งขัน
“แม่ไม่อยากให้ผมลงแข่ง ตอนนั้นผมอายุประมาณ 12-13 ปี แม่พูดกับผมว่า ‘เลิกแข่งได้ไหมลูก’ แม่ไม่ชอบการต่อสู้ แม่รู้สึกกลัวทุกครั้งที่ผมลงแข่ง”
ไมกี และ แม่ของเขา
แน่นอนว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนที่สบายใจในการต้องเห็นลูกสุดที่รัก เจ็บตัวบนสังเวียนการแข่งขัน ซึ่งแม่ของ “ไมกี” รู้สึกเป็นห่วงถึงขั้นขอทำสัญญาใจกับลูกชายให้ลงแข่งรายการสุดท้าย แต่ “ไมกี” แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ในด้านนี้อย่างชัดเจน จนท้ายที่สุดก็ชนะใจแม่และเลือกเดินหน้าสู่การเป็นนักสู้เต็มตัวจนได้
“มาถึงช่วงหนึ่ง แม่บอกกับผมว่า ‘เอาล่ะ ชนะอีกรายการเดียวแล้วก็เลิกแข่งเลยนะ’ ตอนนั้นผมกำลังจะลงแข่งและผมบอกแม่ว่า ‘ผมอยากได้เข็มขัดอีกเส้น’ ผมก็เลยลงแข่งอีกรายการ และคว้าเข็มขัดมาได้ด้วย จากนั้น ผมจะบอกแม่ตลอดว่า ‘รอก่อนนะแม่ ผมขอแข่งอีกรายการเดียวนะครับ’ และผมก็ลงแข่งต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงวันนี้”
โดย “ไมกี” เชื่อมั่นว่าการที่พ่อแม่มอบอิสระให้เขาตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่ต้องการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งให้เขาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ ซึ่งสามารถใช้เป็นบทเรียนสำหรับผู้ปกครองคนอื่น ๆ ที่หวังให้ลูกหลานสนใจฝึกกีฬา BJJ หรือกีฬาการต่อสู้ประเภทต่าง ๆ
“พ่อแม่ของผมไม่เคยกดดันให้ผมลงแข่งหรือฝึกซ้อมเลย แม่ผมแค่อยากให้ผมเป็นหมอหรือทนายความ แม่ไม่อยากให้ผมเล่นยิวยิตสูด้วยซ้ำ ผมเลยรู้สึกว่าเพราะพวกเขาไม่ได้กดดันเรา สิ่งที่เราอยากทำจึงมาจากความตั้งใจของเราจริง ๆ ”
“ผมคิดว่าพ่อแม่หลายคนกดดันลูกมากเกินไป แล้วเด็ก ๆ หลายคนก็จะเลิกเรียนยิวยิตสู เพราะพวกเขาไม่ชอบ ความชอบต้องมาจากข้างในใจ พ่อแม่มีหน้าที่คอยชี้นำให้ลูกเลือกสิ่งที่พวกเขาชอบ แต่ทั้งหมดต้องมาจากตัวเด็ก”
แน่นอนว่าไม่ง่ายเลยกว่า “ไมกี” จะชนะใจแม่จนทำให้เขามีทุกวันนี้ ซึ่งปัจจุบันเขาเป็นเบอร์ต้น ๆ ของกติกาปล้ำจับล็อก ใน ONE โดยนับตั้งแต่เซ็นสัญญาเข้ามาสู้ในปี 2565 เขายังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นสักครั้งเดียว
โดยที่ไฟต์ล่าสุด เขาเอาชนะซับมิชชัน “TOBIKAN JUDAN” ชินยะ อาโอกิ จอมรัดระดับตำนานจากญี่ปุ่น ในศึก ONE Fight Night 15: ธานฮ์ vs อิลยา เมื่อ 7 ต.ค.66 ทำให้ผลงานใน ONE ของ “ไมกี” ตอนนี้กลายเป็นชนะ 6 ไฟต์รวด ซึ่ง 4 จาก 6 ไฟต์เป็นการปิดเกมด้วยซับมิชชันขั้นเทพ
โดย “ไมกี” มีคิวจะต้องดวลฝีมือกับ “กาเบรียล ซูซา” คู่ปรับเก่าที่เคยยัดเยียดความปราชัยแบบเจ็บแสบไว้เมื่อปี 2564 โดยครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งคู่ได้มาอยู่ในสังกัดเดียวกัน และ “ไมกี” จะได้ล้างแผลในใจที่กลัดหนองมาตลอด 3 ปีเต็ม ซึ่งเขาเต็มใจที่จะปีนเวตจากรุ่นฟลายเวต (125 – 135 ป.) ขึ้นไปสู้ใน รุ่นแบนตัมเวต (135 – 145 ป.) เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ต้องมาลุ้นกันว่า “ไมกี” จะชำระคดีแค้นได้สมใจหรือจะถูกย้ำซ้ำแผลเดิมอีกรอบ