“เคด รูโทโล” แชมป์โลก ONE ปล้ำจับล็อก รุ่นไลต์เวต (155-170 ป.) วัย 21 ปี จากสหรัฐอเมริกา แสดงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในการจะข้ามสายมาประเดิมกติกาการต่อสู้ผสมผสาน (MMA) เป็นครั้งแรกในชีวิต โดยจะต้องเจอกับ “เบลก คูเปอร์” นักสู้เพื่อนร่วมชาติวัย 27 ปี ในศึก ONE 167: ตะวันฉาย vs โจ II ที่จะถ่ายทอดสดจากอิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี ในช่วงไพรม์ไทม์อเมริกา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 8 มิ.ย.นี้
สำหรับ 2 พี่น้องตระกูล “รูโทโล” ทั้ง “เคด” และ “ไท รูโทโล” แฝดผู้น้องที่ปัจจุบันครองบัลลังก์ปล้ำจับล็อก รุ่นเวลเตอร์เวต (170-185 ป.) ต่างประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในกติกานี้ โดยถือเป็นนักกีฬาคลื่นลูกใหม่ที่ฝีมือน่าจับตามากที่สุด ณ ชั่วโมงนี้
เคด vs ฟรานซิสโก (6 เม.ย.67)
“เคด” ต่อสู้ใน ONE มาแล้วมากถึง 6 ไฟต์ นอกจากจะชนะรวดแล้วนั้นยังเป็นครองเข็มขัดเส้นนี้อย่างเหนียวแน่นถึง 4 สมัย โดยในไฟต์ล่าสุดเขาสามารถปิดเกมซับมิชชัน เอาชนะ “ฟรานซิสโก โล” นักสู้บราซิล ได้ในศึก ONE Fight Night 21: รีเกียน vs อเล็กซิส เมื่อ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยการต่อสู้ไฟต์นี้ “เคด” เลือกเดินในเส้นทางใหม่ ย้ายจากการแข่งขันปล้ำจับล็อกที่คุ้นเคยมาทั้งชีวิตมาประเดิมสู้ใน MMA เป็นไฟต์แรก ซึ่งเจ้าตัวได้รู้สึกคึกคักเป็นพิเศษที่จะได้ท้าทายตัวเองในการต่อสู้รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ผมบอกเลยว่านี่เป็นความแปลกใหม่ เป็นโลกที่แตกต่างไปจากเดิม และยิ่งทำให้ผมหลงรัก MMA มากขึ้นทุกวัน ไม่ใช่ว่ายิวยิตสู (ฺBJJ) ไม่ดีนะ ผมรักยิวยิตสู แต่ MMA น่าตื่นเต้นสำหรับผมในแบบที่ต่างออกไป ผมตื่นเต้นสุด ๆ ที่จะโชว์ให้โลกเห็นว่าผมทำอะไรได้บ้างในไฟต์นี้”
การต่อสู้ที่ผ่านมาของ “เคด” ใน ONE เป็นกติกาปล้ำจับล็อกทั้งหมด ซึ่งใช้วิชาบราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) ในการเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่การมาสู้ในกติกา MMA นอกจาก BJJ ที่จะได้ใช้ในการทำให้คู่แข่งยอมแพ้แล้วนั้น ยังต้องมีอีกหลายวิชาที่เขาต้องเรียนรู้เพิ่มเติมตลอด และวันนี้เขาพร้อมจะสู้แล้ว
“นอกสังเวียน ผมเป็นคนนิ่ง ๆ เหมือนพ่อพระ แต่เมื่อเราก้าวขึ้นสังเวียน เราต้องปลดปล่อยความโหดออกมา ผมเชื่อว่าสไตล์ของผมเหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนมาสู้ในกติกา MMA เพราะผมสามารถซับมิชชันจากตำแหน่งต่าง ๆ มากมายอย่างเป็นธรรมชาติ มีการปล้ำที่แข็งแกร่ง รวมถึงสามารถนำการกดดันและความดุดันในยิวยิตสูนำมาปรับใช้กับ MMA ได้เป็นอย่างดี”
อย่างไรก็ตาม “เคด” เชื่อว่าทักษะเกมยืนที่เขาเรียนรู้เพิ่มมาแล้วนั้นยังไม่เพียงพอ เขาจึงดั้นด้นแสวงหาผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์มวยปล้ำเพื่ออัปสกิลเพิ่มเติม ซึ่งเขาเชื่อว่าหากนำวิชามวยปล้ำและมวยยืนมาบวกกับวิชา BJJ ที่เขามีอยู่เต็มตัวจะช่วยให้การต่อสู้ MMA ไฟต์แรกของเขาไร้ที่ติ
“BJJ สายดำนั้นไร้ความหมายในกติกา MMA ถ้าไม่มีทักษะมวยปล้ำ ถ้าคุณเป็นนักกีฬา BJJ และกำลังวางแผนที่จะลงแข่งในกติกา MMA แล้วไม่มีทักษะมวยปล้ำที่ดีพอ คุณควรไปศึกษาเพิ่ม เพราะ BJJ อย่างเดียวไม่พอแน่นอน”
“เป้าหมายของผมในไฟต์นี้ ผมอยากจะทำให้ดีที่สุด อยากจะออกไปสู้ด้วยความสนุก แต่แน่นอนว่าผมอยากปิดเกม และผมเชื่อว่าจะต้องปิดเกมได้ เหมือนตอนที่ผมแข่งกติกาปล้ำจับล็อก ผมอยากให้ทุกคนตื่นเต้นจนต้องร้องว้าว!”